วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

ประวัติ อบต.พะทาย

เผ่าไทยโส้หรือไทยกะโซ่ 
อาศัยอยู่ในเขต
 อำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม
            ประวัติความเป็นมา   ชาวไทยโส้ในพื้นที่จังหวัดนครพนม เป็นชาวไทยตระกูลเดียวกันกับพวกบรู หรือพวกไทยข่า  นักมนุษยวิทยาถือว่าพวกไทยโซ่เป็นชาติพันธุ์ของมนุษย์  ในกลุ่มมองโกเลียด์ มีภาษาขนบธรรมเนียมประเพณีแตกต่างไปจากพวกไทยข่า แต่ภาษานั้นถือว่า  อยู่ในตะกูลออสโตรอาเซียติดสาขามอญเขมรหรือตะตู  ซึ่งสถาบันวิจัยภาษาฯ  ของมหาวิทยาลัยมหิดลได้รวบรวมไว้บทความเรื่องภาษาตระกูลไทย
            พวกกะโซ่ซึ่งอพยพเข้ามาในสมัยรัชกาลที่  3 ได้ตั้งขึ้นเป็นเมืองหลายเมือง คือ เมืองรามราช  เป็นชาวกะโซ่จากเมืองเซียงฮ่ม  ในแขวงสุวรรณเขต  ตั้งขึ้นเป็นเมืองรามราช ขึ้นกับเมืองนครพนม  เมื่อ  พ.ศ. 2387  โปรดเกล้าฯ  ตั้งให้ท้าวบัว  แห่งเมืองเชียงฮ่ม  เป็นพระทัยประเทศ  เป็นเจ้าเมืองเป็นคนแรก  ปัจจุบันเป็นพื้นที่รามราช  ตำบลพระทาย  ตำบลท่าจำปา  อำเภอท่าอุเทน  ตำบลโพนสวรรค์  จังหวัดนครพนมเป็นหมู่บ้านชาวไทยโส้
            นอกจากนั้นยังมีชาวไทยโส้อยู่ในท้องที่อำเภอปลาปาก  จังหวัดนครพนมอีกหลายหมู่บ้าน  เช่น  ตำบลโคกสูง  และบ้านวังตามัว  ในท้องที่อำเภอเมืองนครพนม
            ศิลปะ วัฒนธรรมกะโส้ซึ่งรักษาไว้เป็นเอกลักษณ์ประจำเชื่อชาติ ที่เด่นชัดก็คือโซ่ทั่งบั้ง  หรือภาษากะโซ่เรียกว่า  สะลา  เป็นพิธีการในการบวงสรวงวิญญาณของบรรพบุรุษประจำปีหรือเรียกขวัญและรักษาคนป่วย  กับพิธี  ซางกระมูด  ในงานศพ
            1. พิธีกรรม  โซ่ทั่งบั้ง  เป็นภาษาชาวไทยอีสานเรียกชื่อพิธีกรรมของชาวกะโซ่คำว่าโซ่  หมายถึง พวกกะโซ่  คำว่าทั่ง แปลว่ากระทุ้ง  หรือกระแทก  คำว่าบั้ง  หมายถึงบ้องหรือกระบอกไม้ไผ่  โซ่ทั่งบั้ง ก็คือ  การใช้กระบอกไม้ไผ่ยาวประมาณ 3 ปล้อง  กระทุ้งดินให้เป็นจังหวะและมีผู้ร่ายรำและร้องรำไปตามจังหวะในพิธีกรรมของชาวกระโซ่  สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ  เมื่อครั้งเสด็จตรวจราชการมณฑลอุดร  เมื่อเสด็จถึงเมืองกุสุมาลย์  (อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร)  เมื่อ พ.ศ. 2449   ได้ทรงบันทึกการแสดงโซ่ ทั่งบั้งหรือสะลาไว้ว่า
            สลามีหม้อดินตั้งกลางแล้วมีคนต้นบทคนหนึ่ง  คนสะพายหน้าไม้  และลูกสำหรับยิงคนหนึ่ง คนตีฆ้องเรียกว่าพระเนาะคนหนึ่งคนถือไม้ไผ่สามปล้องสำหรับกระทุงดิน  รวมแปดคน เดินร้องรำเป็นวนเวียนไปมา  พอพักหนึ่งก็ดื่มอุและร้องรำต่อไป...
2.  พิธีซางกระมูด  เป็นพิธีกรรมก่อนนำศพลงจากเรือน คำว่า ซาง หมายถึง การกระทำหรือการจัดระเบียบ กระมูด แปลว่า ผี ซางกระมูด หมายถึง การจัดพิธีเกี่ยวกับคนตายชาวกระโซ่ถือว่า เมื่อคนตายไปแล้วจะเป็นผีดิบ จึงต้องกระทำพิธีซางกระมูดเสียก่อน เพื่อให้ผีดิบและวิญญาณของผู้ตายได้สงบสุข  มิฉะนั้นอาจทำให้ญาติพี่น้องเกิดเจ็บป่วยขึ้นได้
            อุปกรณ์ในพิธีซางกระมูดประกอบด้วย ขันโต(ขันกระหย่อง) สานด้วยไม้ไผ่สองใบ เป็นภาชนะใส่อุปกรณ์ต่างๆ  มีไม้ไผ่สานเป็นรูปจักจั่น 4 ตัว แทนวิญญาณของผู้ตาย นอกจากนี้ยังมีพานสำหรับยกครู (คาย) ประกอบด้วยขันธ์ 5 เทียน5 คู่ ดอกไม้สีเขียว เช่น ดอกลั่นทม 5คู่ เงินเหรียญ 12 บาท ไข่ดิบ  1  ฟอง 
ดาบโบราณ  1   เล่ม  ขันหมาก  1   ขันมีดอกไม้อยู่ในขันหมาก   1   คู่  พร้อมด้วยบุหรี่  และเทียนสำหรับทำพีอีกหนึ่งเล่ม  ล่ามหรือหมอผีจะเป็นผู้กระทำพิธีและสอบถามวิญญาณของผู้ตายได้สงบสุข  เมื่อทราบความต้องการของวิญญาณแล้วญาติก็จะจัดสิ่งของไว้บวงสรวงวิญญาณ
3.  พิธีเหยา  ในการรักษาคนป่วยหรือเรียกขวัญคล้ายๆ กับพิธีของชาวไทยอีสานทั่วไป  เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยหรือการเรียกขวัญ โดยหมอผีจะทำหน้าที่เป็นล่ามสอบถามวิญญาณของบรรพบุรุษ        
            ชาวไทยกะโซ่มีผิวกายที่ดำคล้ำเช่นเดียวกับพวกข่า  สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ทรงกล่าวถึงการแต่งกายของชาวกะโซ่ไว้ในหนังสือเรื่องเที่ยวที่ ต่างๆ ภาค 4 เมื่อเสด็จภาคอีสานเมื่อ  พ.ศ.  2449  ไว้ว่า  ....ผู้หญิงไว้ผมสูงแต่งตัวนุ่งซิ่นสวมเสื้อแขนกระบอกย้อมครามห่มผ้าแถบ  ผู้ชายแต่งกายอย่างคนเมือง  แต่เดิมนุ่งผ้าเตี่ยวไว้ชายข้างหน้า ชายหนึ่ง
 ภูมิปัญญาพื้นบ้าน   เหยาเพื่อรักษาโรคต่างๆ
ภาษาที่ใช้ภาษาคือภาษาโส้     
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันได้เสด็จเยี่ยมพสกนิกรจังหวัด นครพนม  เมื่อ พ.ศ. 2498 ซึ่งจังหวัดมุกดาหารยังรวมอยู่ในจังหวัดนครพนม ชาวไทยกะโซ่ ได้แสดงโส้ทั่งบั้งหรือสะลาทอดพระเนตรพร้อมกับร้องคำถวายพระพรเป็นภาษากะโซ่ว่า

          เซินตะดกละแสง  เซินแต่แซงมะนาง เซินยอนางเอย    ดรุ๊กอีตู    จูเยก    ยางเอย        ดรุ๊กอีตูจูเยอวายเอย      ไฮพัดกระกมติตอนจิรอ    ไฮพัดระพอดิตรอนอิตูด   ตะรงยางเอย   ระกบเจ้ากวงมานะ
วอนเบาแบนเราะ   เนออาญาเฮาเอย   สะโอนเนาต๊กยะ       วอนเบาแบนเราะ    ดูกรองวไดเดอกะนางไฮเอย
คำแปล  ขอเชิญสิ่งศักดิ์สิทธ์ขุนเขา ขอเชิญแสงตะวันอันแรงกล้า เชิญเถิดขอให้สิ่งศักดิ์สิทธ์ จงมาให้ขวัญทั้งหลายจงมาร่วมกัน ณ ที่นี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเอย ขอให้มาคุ้มครองสองเจ้าเหนือหัว ขอให้พระองค์อยู่ดีมีสุขเถิดพระเจ้าเราเอย ขอให้อย่ามีทุกข์และความเดือดร้อน  ขอให้พระองค์อยู่ดีมีสุขอยู่คู่เมืองไทย ปกป้องคุ้มครองพวกทั้งหลายตลอดไปเทอญ


ตำบลพะทาย
  • ตำบลพะทายอยู่ในเขตการปกครองของ อำเภอท่าอุเทนมีจำนวนหมู่บ้านทั้งสิ้น 10 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่1 บ้านแก้งพง หมู่2 บ้านโนนสวรรค์ หมู่3 บ้านพะทาย หมู่4 บ้านพะทาย หมู่5 บ้านพะทาย หมู่6 บ้านหนองแวง หมู่7 บ้านนาข่าท่า หมู่8 บ้านนาข่าท่า หมู่9 บ้านโคกสว่าง
 อาณาเขตตำบล :
  • ทิศเหนือ ติดกับ แม่น้ำโขง และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
  • ทิศใต้ ติดกับ ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม
 จำนวนประชากรของตำบล :
  • จำนวนประชากรในเขต อบต. 4,589 คน และจำนวนหลังคาเรือน 929 หลังคาเรือน
 ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบล :
  • 1. วัดจอมแจ้ง
  • 2. วัดทรายเพ
  • 3. วัดท่าสว่าง
  • 4. วัดปัชราช
  • 5. วัดพะธาย
  • 6. วัดโพนสว่าง
  • 7. วัดศรีมงคล
  • 8. วัดศรีสองคอน
  • 9. วัดอุดมสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น